ปิดแอร์รับลมหนาวไม่ให้เปลืองไฟ

️️ใกล้จะเข้าหน้าหนาวอย่างนี้หากเปิดแอร์อย่างถูกวิธีทำให้เราอบอุ่นมากกว่าเปิดหน้าต่าง

รับลมหนาวจริง ๆ เสียอีกนะครับแล้วเราจะเปิดแอร์ยังไงไม่ให้เปลืองไฟ #ล้างแอร์ดี มีวิธีมาฝากกันครับ

ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม

ควรเปิดแอร์ในอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 25 องศา ประมาณ 26-28 องศาได้ยิ่งดี ยิ่งปรับขึ้นยิ่งประหยัด แต่ไม่จำเป็นต้องปรับจนรู้สึกร้อน เพราะจะผิดว้ตถุประสงค์ของการใช้แอร์นะครับ การปรับอุณภูมิที่ 25 องศานอกจากจะช่วยประหยัดไฟแล้ว ยังเป็นอุณหภูมิที่กำลังอุ่นสบาย

ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งเมื่อเลิกใช้

ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เราควรปิดแอร์ก่อนล่วงหน้าซักพัก เพราะความเย็นยังคงหลงเหลืออยู่ในห้องช่วยให้เราเย็นสบายได้อีกพักหนึ่งทีเดียวครับ หรือตั้งเวลาปิดเครื่องไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันการลืมปิด

หากิจกรรมที่ไม่ต้องเปิดแอร์

เราไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ทั้งวันเมื่ออยู่ที่บ้านก็ได้นะครับ เราสามารถหากิจกรรมอื่นที่ทำได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์ เช่น นั่งอ่านหนังสือหรือพักผ่อนในสวนข้างบ้าน ปลูกต้นไม้ หรือออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยประหยัดไฟแล้ว ยังสุขภาพดีทั้งกายทั้งใจเลยนะครับ

อย่าวางสิ่งของกีดขวางทางลมเข้า-ออกของคอนเด็นซิ่งยูนิต และแฟนคอยล์ยูนิต

เพราะจะทำให้เครื่องระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานอย่างหนักเกินความจำเป็น จะทำให้เสื่อมสภาพได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ

ปิดไฟเฉพาะจำเป็น

การเปิดไฟทิ้งไว้โดยที่ไม่ได้ใช้งานภายในห้องนั้น จะไปช่วยเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้สูงขึ้น ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานมากขึ้นด้วยครับ ไฟดวงไหนไม่ได้ใช้ปิดไปเลยครับ

ไม่ควรปลูกต้นไม้ หรือตากผ้าภายในห้องที่มีการใช้งานเครื่องปรับอากาศ

เพราะการปลูกต้นไม้ หรือตากผ้าจะทำให้ห้องมีความชื้นเพิ่มมากขึ้น ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักมาขึ้นหลีกเลี่ยงการปรุงอาหารในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ

เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก และกินไฟมากขึ้น อีกทั้งกลิ่นและควันจะยังคละคลุ้งอยู่ในห้องไปอีกนาน ทำให้เกิดกลิ่นอับได้อีกด้วยครับ

ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท

เพื่อป้องกันไม่ให้ลมเย็นเล็ดลอดออกไปภายนอกห้อง จะทำให้ห้องเย็นและประหยัดไฟมากขึ้นครับ

️️

ล้างแอร์ทุก 6 เดือน

ลดการเกิดฝุ่นสะสมที่มาของโรคทางเดินหายใจเช่นภูมิแพ้ หอบหืด

ไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค

ประหยัดไฟได้ถึง 10%

แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลดปัญหาน้ำหยด กลิ่นอับรอจนแอร์ไม่เย็น

แอร์กลายเป็นแหล่งสะสมฝุ่นและเชื้อโรคอายุการใช้งานสั้นลงทำงานหนักมากขึ้น เปลืองไฟ

ประสิทธิภาพการทำงานลดลงอาจก่อให้เกิดปัญห

กลิ่นอับและน้ำรั่วซึม

เมื่อเครื่องปรับอากาศสะอาดและได้รับการดูแลอย่างดี จะสามารถให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นที่เหมาะสมที่สุด แผงคอยล์และแผ่นกรองที่สะอาดช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าเครื่องปรับอากาศจะทำความเย็นให้กับห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่งผลให้สภาพแวดล้อมภายในอาคารสะดวกสบายยิ่งขึ้นในช่วงที่อากาศร้อน

เปิดแอร์รับลมหนาวไม่ให้เปลืองไฟ

️️ใกล้จะเข้าหน้าหนาวอย่างนี้หากเปิดแอร์อย่างถูกวิธีทำให้เราอบอุ่นมากกว่าเปิดหน้าต่าง

รับลมหนาวจริง ๆ เสียอีกนะครับแล้วเราจะเปิดแอร์ยังไงไม่ให้เปลืองไฟ #ล้างแอร์ดี มีวิธีมาฝากกันครับ

ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม

ควรเปิดแอร์ในอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 25 องศา ประมาณ 26-28 องศาได้ยิ่งดี ยิ่งปรับขึ้นยิ่งประหยัด แต่ไม่จำเป็นต้องปรับจนรู้สึกร้อน เพราะจะผิดว้ตถุประสงค์ของการใช้แอร์นะครับ การปรับอุณภูมิที่ 25 องศานอกจากจะช่วยประหยัดไฟแล้ว ยังเป็นอุณหภูมิที่กำลังอุ่นสบาย

ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งเมื่อเลิกใช้

ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เราควรปิดแอร์ก่อนล่วงหน้าซักพัก เพราะความเย็นยังคงหลงเหลืออยู่ในห้องช่วยให้เราเย็นสบายได้อีกพักหนึ่งทีเดียวครับ หรือตั้งเวลาปิดเครื่องไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันการลืมปิด

หากิจกรรมที่ไม่ต้องเปิดแอร์

เราไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ทั้งวันเมื่ออยู่ที่บ้านก็ได้นะครับ เราสามารถหากิจกรรมอื่นที่ทำได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์ เช่น นั่งอ่านหนังสือหรือพักผ่อนในสวนข้างบ้าน ปลูกต้นไม้ หรือออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยประหยัดไฟแล้ว ยังสุขภาพดีทั้งกายทั้งใจเลยนะครับ

อย่าวางสิ่งของกีดขวางทางลมเข้า-ออกของคอนเด็นซิ่งยูนิต และแฟนคอยล์ยูนิต

เพราะจะทำให้เครื่องระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานอย่างหนักเกินความจำเป็น จะทำให้เสื่อมสภาพได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ

เปิดไฟเฉพาะจำเป็น

การเปิดไฟทิ้งไว้โดยที่ไม่ได้ใช้งานภายในห้องนั้น จะไปช่วยเพิ่มอุณหภูมิในห้องให้สูงขึ้น ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานมากขึ้นด้วยครับ ไฟดวงไหนไม่ได้ใช้ปิดไปเลยครับ

ไม่ควรปลูกต้นไม้ หรือตากผ้าภายในห้องที่มีการใช้งานเครื่องปรับอากาศ

เพราะการปลูกต้นไม้ หรือตากผ้าจะทำให้ห้องมีความชื้นเพิ่มมากขึ้น ทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักมาขึ้นครับหลีกเลี่ยงการปรุงอาหารในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศเพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก และกินไฟมากขึ้น อีกทั้งกลิ่นและควันจะยังคละคลุ้งอยู่ในห้องไปอีกนาน ทำให้เกิดกลิ่นอับได้อีกด้วยครับ

ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท

เพื่อป้องกันไม่ให้ลมเย็นเล็ดลอดออกไปภายนอกห้อง จะทำให้ห้องเย็นและประหยัดไฟมากขึ้นครับ

️️

คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป

เมื่อเราใช้เครื่องปรับอากาศมาเป็นเวลาหลายปี เป็นเรื่องธรรมดาที่ประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศจะลดลง

รวมถึงความสะอาดของเครื่องจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำความเย็น ดังนั้นการดูแลบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่เหมาะสม

จะช่วยให้ยืดอายุการใช้งานได้ของเครื่องได้

ทำอย่างไรไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินความจำเป็น

ถึงแม้แอร์จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชม.

แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องดูแลใส่ใจ โดยเราควรหมั่นเช็กจำนวนน้ำยาแอร์ว่ามีการรั่วหรือไม่

รวมถึงอย่าลืมหมั่นล้างทำความสะอาดคอมเพรสเซอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้มีสิ่งสกปรกสะสม

และขัดขวางการทำงาน ที่สำคัญในการติดตั้งเพื่อให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป

️️

5 ข้อควรระวังแอร์ในหน้าฝน

1.ติดตั้งสายดินทุกครั้ง

สิ่งที่ควรระวังเครื่องใช้ไฟฟ้าในหน้าฝนคือความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เนื่องจากมีความชื้นอยู่มาก ควรเช็กแอร์ของท่านว่ามีการติดตั้งสายดินหรือไม่ ตรวจเช็คกระแสไฟฟ้าจากสายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับเครื่องปรับอากาศว่ามีการรั่วหรือไม่ เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่วที่จะส่งผลต่อชีวิตของท่านได้

2. ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม

ในช่วงหน้าฝนอุณหภูมิอากาศด้านนอกลดลงทำให้อากาศเย็นสบาย หากต้องการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศควรพิจารณาจากอุณหภูมิของร่างกาย ปรับเพิ่มหรือลดลงทีละองศา ไม่ควรตั้งอุณหภูมิที่ต่ำเกินไปเพื่อเป็นผลดีต่อสุขภาพ

3. ตำแหน่งการวางคอมเพลสเซอร์

ควรติดตั้งคอมเพลสเซอร์อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อป้องกันน้ำท่วมหรือสัตว์ต่าง ๆ เข้าไปอยู่ในคอมเพรสเซอร์ หากติดตั้งคอมเพลสเซอร์แอร์ต่ำจนเกินไป เมื่อเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมอาจส่งผลให้คอมเพลสเซอร์แอร์มีปัญหาและดับได้

4. ไฟตก ไฟดับ ต้องดึงเบรกเกอร์ลง

เมื่อฝนตกหนัก แอร์ดับขณะทำงาน ควรทำการดึงเบรกเกอร์แอร์ลงเพื่อป้องกันการจ่ายไฟเกิน เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ภายในตัวแอร์ได้

5. ตรวจเช็กกลิ่นอับ

กลิ่นอับภายในบ้านมักเกิดขึ้นในหน้าฝน สาเหตุหลักเกิดจากความชื้นในอากาศ ดังนั้นควรที่จะเช็คทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ และใช้งานระบบ Self Cleaning ที่ช่วยเป่าลมไล่ความชื้นหลังจากการใช้งานเพื่อลดปัญหาความชื้นสะสมที่เป็นสาเหตุของเชื้อราและกลิ่นอับ เพื่อช่วยรักษาความสะอาดให้ดีต่อสุขภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ



5 เคล็ดลับประหยัดไฟ เปิดแอร์ทั้งวันยังไงไม่ให้เปลืองไฟ

1. เปิดแอร์พร้อมกับเปิดพัดลม

เปิดแอร์พร้อมกับพัดลม โดยตั้งอุณหภูมิแอร์อยู่ที่ 27-28 องศา พร้อมกับเปิดพัดลมส่ายไปมาภายในห้อง จะช่วยให้อุณหภูมิในห้องลดลงมาอีก ประมาณ 2-3 องศาเลยทีเดียว โดยวิธีการนี้จะทำให้อากาศในบ้าน ในห้อง ในคอนโด หรือแมแต่ในสำนักงานนั้น เย็นสบาย ประหยัดไฟ ไม่เปลืองไฟ เซฟไฟในช่วงหน้าร้อนที่ค่าไฟพุ่งกระฉูดนี้ได้เป็นอย่างดีเลย

2. เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทก่อนเปิดแอร์

ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้ห้อง หรือก่อนเวลาที่จะเปิดแอร์ประมาณ 15 นาที ควรเปิดหน้าต่างห้อง หน้าต่างบ้าน เพื่อระบายความร้อนที่สะสมภายในห้องออกไปก่อน นึกง่ายๆ เช่นเดียวกับการเริ่มสตาร์ทรถยนต์แรกๆ ที่อาจจะต้องเปิดกระจกสักเล็กน้อยให้มีช่องลมบ้าง เพื่อเป็นการระบายความร้อนจากในรถที่อาจจะจอดตากแดดเป็นเวลานาน ได้ระบายความร้อนออกไปบ้าง ซึ่งก็จะช่วยประหยัดแอร์ ประหยัดค่าไฟ แถมทำให้แอร์เย็นภายในห้อง แอร์ภายในบ้านเย็นเร็วขึ้นอีกด้วย

3. ตั้งเวลาเปิด-ปิดแอร์

แนะนำให้ตั้งเวลาปิดแอร์ก่อนออกจากห้องประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพราะหลังจากปิดแอร์ก็ยังมีความเย็นหลงเหลืออยู่ในห้อง อาจจะเปลี่ยนมาเปิดพัดลมเบาๆ เพื่อเลี้ยงอากาศฝยห้องแทน นอกจากจะทำให้แอร์ได้พักเร็วขึ้นแล้ว ยังประหยัดไฟ ประหยัดค่าใช้จ่ายได้พอสมควรอีกด้วย และในยุคนี้ แอร์หลายๆ ยี่ห้อมีการตั้งค่าให้สามารถเปิด-ปิดตามเวลาที่ตั้งไว้ในแอปพิลเคชั่นด้วย ก็จะยิ่งประหยัดไฟได้อีกเยอะ

4. เปิดแอร์เท่าที่จำเป็น

การเปิดแอร์ เปิดเครื่องปรับอากาศเท่าที่จำเป็น เปิดแอร์อย่างพอดี โดยการเลือกเปิดแอร์เท่าที่จำเป็นเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการประหยัดไฟ สามารถทำได้ง่ายๆ เช่น เปลี่ยนมาเปิดแอร์เฉพาะตอนนอน หรือเมื่ออากาศร้อนจริงๆ รวมถึงการอยู่ร่วมกันในห้องที่เปิดแอร์เพียงห้องเดียวแทนที่จะเปิดแอร์หลาย ๆ ห้องพร้อมกัน

5. ล้างแอร์โดยผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ

การล้างแอร์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยประหยัดไฟได้ เพราะทำให้แอร์ได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมได้อากาศดีๆ จากแอร์ที่สุขภาพดี และเวลาที่เหมาะสมในการล้างแอร์คือ ล้างแอร์ทุกๆ 3-6 เดือน ซึ่งสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยการถอดแผ่นกรองออกมาทำความสะอาด หรือทางที่ดีควรเรียกช่างแอร์ผู้เชี่ยวชาญ มีความเป็นมืออาชีพมาล้างแอร์ เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานแอร์ให้ยาวขึ้น ลดปัญหาแอร์หยด แอร์พัง และช่วยให้ลดลมแอร์ร้อนๆ ที่อาจจะเจอในช่วงหน้าร้อนนี้ด้วย